เมืองในหมอก ภายใต้หมอกที่บดบังยังมีความหวังและความรัก (ปกอ่อน)

“เมืองในหมอก” คือ นวนิยายรักในโลกดิสโทเปีย ผลงานเล่มล่าสุดจาก อนุสรณ์ ติปยานนท์ เนื้อหาภายในเล่ม เล่าถึงเรื่องของนายหมอกสีเทาที่ไม่อาจหาคำตอบในสิ่งนี้ได้ เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งมากระทบกับใจของเค้า รู้สึกปวดร้าวไม่สามารถหาคำตอบได้ หรือเขากำลัง"ตกหลุมรัก"สิ่งนี้ไม่ควรเกิด และเขาก็ไม่คาดคิดมาก่อน ว่าเขาจะพบเจอกับมัน สิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” เขาไม่เคยคิด หรือ หวังว่าจะมีความสัมพันธ์เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนั้นได้ ถ้าเขารักเธอ ชีวิตของเขาจะมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ การตื่นขึ้นมาเจอใครสักคนโดยไม่ต้องอ้างว้างอีกต่อไป มันคงจะทำให้เขาละทิ้งเมืองเมืองนี้ได้ยากขึ้น อีกด้านหนึ่งเขาก็คิดว่าเธอจะคิดเช่นเดียวกับเขา

(คำนำสำนักพิมพ์)

นิยายขนาดสั้นเรื่องนี้อาจถูกนิยามเป็นนิยายรัก นิยายดิสโทเปีย นิยายสิ่งแวดล้อม หรือนิยายการเมือง

แต่ไม่ว่าจะถูกมองหรือจัดจำแนกอย่างไร สิ่งที่เห็นได้แจ่มชัด แม้ท่ามกลางหมอกสลัวและแสงแดดที่ส่องมาเพียงรำไร ก็คือความหวัง ความหวังของมนุษย์ผู้ไม่ยินยอมพ่ายแพ้ ไม่สยบยอมอ่อนข้อต่ออำนาจที่ลิดรอนเสรีภาพ เจตจำนงเสรีที่นิยามความเป็นมนุษย์

เรื่องราวบนโลกสมมุติของ เขา และ เธอ คนตัวเล็ก ๆ ในนับแสนนับล้านคน จึงอาจก่อประกายความหวังให้แก่ผู้คนอีกมากมายที่กำลังใช้ชีวิตในโลกความจริง ให้ลุกขึ้นยืนหยัดอย่างมุ่งมั่นตามเจตนารมณ์ ฟันฝ่าเพื่ออุดมการณ์ เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือเรียกคืน ชีวิต เยี่ยงมนุษย์ผู้มีอิสรภาพ

เช่นเดียวกัน ในบางระหว่างบรรทัด ความฝันในวันวานของผู้อ่านที่ถูกวางทิ้งไว้ในบางซอกมุมของความทรงจำ ถมทับกลืนกลบชั้นแล้วชั้นเล่าด้วยความหนาหนักจากการใช้ชีวิตในโลกอันเกี้ยวกราดก็อาจผุดพราย เรืองรองพองฟูขึ้นในหัวใจอีกครั้ง

และนั้นอาจเป็นวันที่เมฆหมอกหนาทึบที่คอยบดบังชีวิต มีให้ความสว่างไสวได้ปรากฎเป็นเวลานานถึงกาลคลี่คลายสลายหายไป ทำให้ชีวิตกลับเป็นชีวิตที่มีความหมาย สามารถกลับมามองเห็นท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าสดใส และกลับมามีหัวใจที่เบิกบานเปี่ยมความสุขได้อีกครั้ง

วุฒิชัย อยู่สภาพ

สำนักพิมพ์: ระหว่างบรรทัด

(คำบรรยายปกหลัง)

ณ ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งไม่ได้ระบุ ณ เมืองใดเมืองหนึ่งที่ไม่ได้ระบุ หมอกหนาทึบสีเทาเคลื่อนเข้าปกคลุมเมือง ไม่เพียงบดบังสายตาชาวเมืองมิให้มองเห็น มิให้ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ทว่ายังบดบังจิตใจมิให้แจ่มใส บดบังหัวใจมิให้มีความหวัง มิให้มีพลังลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจมืดดำที่เข้ารุกรานเมือง

เสรีภาพของชาวเมืองถูกริดรอน เจตจำนงเสรีของพวกเขาเลือนหายไปในความมืดสลัว และแม้หายนภัยจากหมอกจะปรากฏแก่ผู้คนอย่างเท่าเทียม แต่กลุ่มชนชั้นสูงกลับใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในที่หลบซ่อน มีเพียงชนชั้นกลางและชนชั้นล่างเท่านั้นที่ยังต้องดิ้นรนหายใจภายใต้หน้ากากป้องกัน

ในเมืองสิ้นหวังที่มีแต่ผู้คนสิ้นหวัง เขาและเธออาจเป็นความหวังสุดท้ายที่จะนำท้องฟ้า แสงสว่าง อากาศบริสุทธิ์ และเสรีภาพกลับคืนสู่ชาวเมืองอีกครั้ง