ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
…ภาพสุดท้าย ก่อนที่ความมืดจะห่มคลุมชีวิตหล่อนนั้น ก็คือภาพชุมชนห้องแถวคุณแม่ทองจันทร์นี่เองภายนอกกำแพงสูงซึ่งหล่อนอุตส่าห์ปีนขึ้นบนหลังคาเพื่อมองดูโลกและผู้คนในมุมที่ต่างออกไปนั้นหล่อนคาดหวังจะเห็นสิ่งใดและอะไรที่ปรากฏแก่สายตาจากที่สูงมองลงสู่เบื้องล่าง...

เป็นไปได้มากทีเดียวว่าในแสงแห่งยามเย็นผืนพิภพที่แสนธรรมดาสามัญเบื้องล่างช่างเร้าใจหล่อนยิ่งนัก บางครั้งหล่อนอาจแว่วเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ของเด็ก เสียงทะเลาะเบาะแว้งของผู้ใหญ่ เสียงเร่งเครื่องของรถบรรทุกและมอเตอร์ไซค์บนถนนและบนลานดิน แถบหลังคาสีขาวของห้องแถวซึ่งวางพาดกันไปมานับได้ห้าแถว บ้านใหญ่หลังงามที่หน้าชุมชนและบ้านใหญ่ซอมซ่อคล้ายบ้านร้างที่ท้ายหมู่บ้านในห้วงคำนึงยามสนธยาหล่อนคงเห็นว่า บนผิวภาพสามัญอันปกติที่ปรากฏแก่สายตานั้นมีสิ่งน่าสนใจหลบซ่อนอยู่ภายใน หล่อนจึงใคร่ได้เห็น ได้สัมผัส ใคร่ยื่นมือออกลูบคลำ แนบหูและหัวใจสดับฟัง...ดูว่า..เสียงที่แว่วยินมาแต่ไกลนั้น ดังมาจากชีวิตชนิดใด –

บางส่วนจาก ‘เกริ่นนำ’

ความหรรษาที่เจือความขมปร่าของชีวิตซึ่งคุณอาจจะยิ้มนิดๆ ในความเชื่อใสไร้เดียงสา หรืออาจปาดน้ำตาถอนสะอื้น อยากยื่นมือออกไปช่วยเหลือและเอื้อใจออกไปโอบอุ่น หรืออย่างน้อยก็ไม่เบือนสายตาเมินหน้าหนี

นี่คือนิยายที่เรียบง่ายและงดงาม เปี่ยมไปด้วยความหวัง ความฝัน และความเชื่อมั่นศรัทธาในด้านดีของจิตใจมนุษย์

นี่คือซุ่มเสียงแห่งความเงียบงันของยุคสมัยที่ผู้คนรีบเร่งตะกายฝันแข่งขันกันไปสู่ดวงดาวจนมองไม่เห็นรอยร้าวบนฐานราก หรือรูรั่วบนหลังคาสลัมเบื้องล่าง กระทั่งจานอาหารที่ว่างเปล่า เสียงหัวเราะ และร้องไห้

นี่คือชีวิตชนิดใด ผู้เขียนได้ตั้งคำถามและเชื้อเชิญให้เราได้ทอดสายตามอง เอื้อมมือออกไปสัมผัส และเปิดหัวใจออกไปสดับรับฟังเรื่องราวอันแสนจะธรรมดาสามัญทั้งหลายทั้งปวงนั้นในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากความคุ้นชินเดิมๆ เรื่องราวของผู้คนเล็กๆ ในชายขอบนาคร ซุกซ่อนตัวเองอยู่หลังตึกสูงและกำแพงหนาทึบ เป็นชุมชนห้องแถวที่ไร้ชื่อ หากเสมือนหนึ่งภาพจำลองของชุมชนมนุษย์บนโลกกลมๆ ใบนี้ผ่านชีวิตของเด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งกับผู้คนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง

ก่อนที่ผู้เขียนจะถอยห่างออกมาอย่างมีมารยาท ไม่คาดคั้นเอาคำตอบไม่ได้เทศนาสั่งสอนหรือไล่ต้อนเราด้วยลีลาดุเด็ดเผ็ดร้อน หากเล่าด้วยเสียงเอื้ออาทรอ่อนโยนแบบผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน มีอารมณ์ขันที่แม้จะเจือความขื่นและเสียดเย้ยอยู่บ้างในที แต่ก็มิได้ทำตัวเป็นนักมนุษยธรรมหน้าแป้นพิมพ์ดีด ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีหรือร้ายจนเกินไป ผู้เขียนมองโลกมนุษย์อย่างที่มันเป็น---เป็นกลางๆ และมีความหวังเต็มเปี่ยมในชีวิตว่าคนดีและสิ่งดีๆ ยังมีอยู่ และโลกที่สุขสันติหรือสังคมในอุดมคตินั้นเป็นจริงได้โดยเริ่มต้นจากข้างในจิตใจของมนุษย์นี่เอง ขอเพียงเขาเลิกก่อกำแพงกักกั้นกีดกันตัวเองจากคนอื่น และหันมาสร้างสะพานแห่งความรัก ความเข้าใจ โยงสายใยเอื้ออาทรสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โลกนี้ก็แสนหฤหรรษ์และ ช่างสำราญ
ช่างสำราญ นวนิยายรางวัลซีไรต์ ปี 2546 ***หนังสือหมด***
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนเฟื่องนคร ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านเคล็ดไทย
เคล็ดไทย
ร้านของเราเป็นแหล่งรวมหนังสือ วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ข้อมูลเพิ่มเติม www.kledthai.com
เบอร์โทร : 022259536 ถึง 9 ต่อ 11,22
อีเมล : kledthai@kledthai.co.th
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม