จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด เล่ม |
จำนวน (เล่ม) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 เล่ม
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ราคาเดียว 99 บาท |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
“ฌ้าคส์ ลาก็อง : 10 มโนทัศน์ในพรมแดนชีวิต” (Jacques Lacan : 10 concepts in the terrain of living) เป็นหนังสือที่มีจุดเริ่มต้นจากการพูดคุยสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างบรรณาธิการและผู้เขียนไปทีละประเด็น ค่อยๆ เขียนไปทีละบท เกี่ยวกับมโนทัศน์ต่างๆ ของนักจิตวิเคราะห์ชาวฝรั่งเศสท่านนี้
การทำความเข้าใจทฤษฎีต่างๆ ของลาก็องไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้สำเร็จภายในระยะเวลาอันสั้น เนื่องด้วยลักษณะทางความคิดและทฤษฎีที่มีความสลับซับซ้อน มีความเป็นนามธรรมค่อนข้างสูง อีกประการหนึ่งคือ ลาก็องได้พัฒนามโนทัศน์ของเขาอย่างต่อเนื่องในช่วงชีวิตของเขา ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้ผู้ศึกษาเกิดความสับสน หากไม่ได้ติดตามงานของเขาอย่างใกล้ชิด
ชญาน์ทัต ศุภชลาศัย ได้ใช้ความพยายามในการถ่ายทอดมโนทัศน์ต่างๆ ของลาก็อง ทั้ง 10 มโนทัศน์ ออกมาอย่างดีที่สุดในพื้นที่อันจำกัดของหนังสือ สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากคือผู้เขียนได้นำทฤษฎีที่มีความเป็นนามธรรมสูง มาอธิบายสิ่งเกิดขึ้นในสังคมได้ดีและมีความเป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
การพินิจตัวตนของคนให้ออกคือการมองชนิดแทงทะลุถึงจิตไร้สำนึกของพวกเขา มันเป็นอาณาบริเวณที่โปร่งใสที่สุดต่อการประกาศซึ่งตัวตนและความปรารถนาของคน แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือจิตไร้สำนึกถูกพูดออกมาโดยตัวของคนเองแบบตั้งใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีอยู่ แต่พูดไม่ได้ มันจึงดูผิวเผินเหมือนกับสิ่งที่กลืนหายไปในตัวของคน อย่างไรก็ตาม จิตไร้สำนึกก็คือภาษา เพราะมันมีโครงสร้างมาจากภาษา (unconscious is structured like a language) การจะตีความจิตไร้สำนึกคือต้องอาศัยภาษาเท่านั้น โดยเหมือนกับนักจิตวิเคราะห์ต้องคอยดักจับจังหวะในยามที่ คนคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นก็ย้อนกลับให้เขาฟังว่า เขามีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขามี/เขาเป็น เหมือนที่ลาก็องไม่รู้ตัวว่าตัวเขาเป็นเฮเกอเลี่ยนแบบแอบแฝงนั่นเอง ดังนั้น การจะทะลวงถึงจิตไร้สำนึกของใครสักคน ภาษาที่คนคนหนึ่งใช้ออกมาซึ่งแอบแฝงอะไรหลายๆ อย่าง คือสิ่งที่นักจิตวิเคราะห์ต้องถอดความให้ออก จากนั้นก็พูดในลักษณะหมุนข้อความลับ (inverted message) ไปให้เขาฟังว่า สิ่งที่เขาพูดออกมา มันแสดงให้เห็นว่าเขามีอะไรบางอย่างในตัวมากกว่าที่เขารู้ตัวเสียอีก (there is something in you more than your own realization) ข้อความที่ กระดอนกลับไปที่เดิม มันมีข้อความที่หมุนกลับไป มากกว่าเดิม เสียอีก แม้ว่าด้วยจิตสำนึกแล้วลาก็องจะบอกตัวเองเสมอว่าเขาเป็นผู้นิยมฟรอยด์และเป็นพวกไม่เห็นด้วยกับเฮเกอ (anti-Hegelian) แต่ลาก็องก็ไม่รู้ตัวว่า เขากำลังพูดถึงเฮเกอ แถมกำลังคิดได้เหมือนอย่างเฮเกอในหลายๆ ประโยคในงานเขียนของเขาเอง เพราะคำหลายคำที่ปรากฏว่าลาก็องหลุดมันออกมาในงานเขียนอย่างคำว่า objective determination มันคืออิทธิพลของเฮเกอ และยิ่งกว่านั้นอาจจะมี คาล มาร์กซ์ (Karl Marx) มาประกบติดอยู่ ชนิดที่ตัวของลาก็องเองไม่รู้ตัวเลยก็ได้ แถมคำในงานเขียนของลาก็องยังมีคำอย่าง negation อีกด้วย ซึ่งคำศัพท์พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของเฮเกอ จนอาจกล่าวได้ว่า ลาก็องเป็นฟรอยเดียนโดยรู้ตัว แต่เป็นเฮเกอเลี่ยนโดยไม่รู้ตัว อีกนัยหนึ่งก็คือ ลาก็องเป็นฟรอยเดียนในระดับจิตสำนึก แต่เป็นเฮเกอเลี่ยน (และบางทีเป็นมาร์กซ์ซิส) ในระดับจิตไร้สำนึก คือทั้งหมดเกิดขึ้นแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |