ไฮไลท์
ผลงานบันทึกชีวิตของ ครูแอ๋ว – อรชุมา ยุทธวงศ์
ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแอ๊คติ้งโค้ชหมายเลขหนึ่งของเมืองไทย
หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดเทคนิคและเคล็ดวิชา
ว่าเราจะนำศาสตร์แห่งการละคร
อันเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ถูกยกย่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ
มาใช้ในการพัฒนาหน้าที่การงานและชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นอย่างง่ายๆ เพื่อให้อ่านง่ายๆ
แต่การจะทำได้ตามที่หนังสือเขียนนั้นไม่ง่ายเลย
.
หนังสือเล่มนี้เหมือนกุญแจดอกเล็ก
ที่ใช้ไขเข้าสู่จักรวาลภายในของตัวเรา
เป็นกุญแจที่ไขเข้าไปค้นหาปริศนาแห่งตัวตน
ตามเทคนิคของคนละคร
หลายเทคนิค หลายคนเคยใช้ได้ผลบนเวทีใหญ่
ในภาพยนตร์ ในละครยอดฮิต
ใช้พิชิตปัญหาและข้อขัดแย้ง
ในการทำงานร่วมกันในองค์กรใหญ่
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
คำนำเสนอ
 
กระจกแห่งจิตวิญญาณ
ดวงตาแห่งกาลเวลา
ของอรชุมา ยุทธวงศ์
.
ผมรู้จักครูแอ๋ว อรชุมา ยุทธวงศ์ ครั้งแรกเมื่อปี 2548 
จากการแนะนำของพี่เก้ง จิระ มะลิกุล 
ตอนนั้นน่าจะเป็นปีท้ายๆ ของการทำนิตยสาร OPEN 
และน่าจะเป็นปีแรกๆ อันเป็นจุดเริ่มต้นของ GTH 
บริษัทผลิตภาพยนตร์ชั้นนำของไทย
.
ปลายปี 2547 พี่เก้งปักหลักถ่ายทำ “มหา’ลัย เหมืองแร่" 
จากบทประพันธ์อันลือลั่นของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์
นักเขียนและบรรณาธิการชั้นครู อยู่ที่พังงา
.
ผมขับรถล่องใต้ลงไปสัมภาษณ์
เพื่อทำหนังสือเบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนั้น 
อันทำให้มีโอกาสสนทนากับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย 
ซึ่งในที่สุดกลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท GTH 
(ก่อนจะวิวัฒน์เป็น GDH ในภายหลัง)
.
เนื่องจากเส้นทางยาวไกล ผมจึงตัดสินใจพักที่ระนอง 
โดยหารู้ไม่ว่า เช้าวันนั้น วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 
ห่างจากถนนที่ผมขับรถอยู่ออกไปไม่ไกล 
คลื่นสึนามิได้ซัดเข้าฝั่งอันดามันตลอดเส้นทาง 
จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง
ของประเทศไทยและของโลก
.
โชคดีที่กองถ่ายปักหลักกันอยู่ที่เหมืองแร่จำลองกลางป่า 
หาใช่สถานที่ริมทะเล และนั่นเป็นวันปิดกล้องวันสุดท้าย 
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปปฏิบัติภารกิจของชีวิต 
ตามสคริปต์ที่ทุกคนได้รับมอบหมายมา
.
กองถ่ายจึงได้ยินข่าวร้ายผ่านทางโทรศัพท์ 
และยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ว่า 
สิ่งที่เกิดขึ้นห่างออกไปไม่ไกล 
สร้างความเสียหายให้มากมายขนาดไหน
.
ปีนั้นเป็นปีที่ผมกำลังตัดสินใจหลายเรื่องสำคัญของชีวิต 
ทั้งเรื่องการงาน เรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องล้วนพันพัวเกี่ยวข้อง 
จนคล้ายถูกคลื่นสึนามิซัดเข้าใส่ชีวิตเป็นระลอก
.
ผมมิได้เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนกับผู้ใด 
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ 
และเปลี่ยนแปรไปในทะเลใจของตนเอง
.
ผมทำหนังสือ “มหา’ลัย เหมืองแร่” 
(The Chemistry of Movie) ออกมาจนแล้วเสร็จ 
เมื่อภาพยนตร์ออกฉาย แม้รายได้ไม่คุ้มทุน 
แต่ก็นำมาสู่การก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่ 
ส่วนหนังสือ “มหา’ลัย เหมืองแร่” ก็กลายเป็นตำราเรียน
ในมหาวิทยาลัย ในคณะนิเทศศาสตร์
.
ผมรู้จักพี่ๆ ที่ GTH ทุกคนจากหนังสือเล่มนั้น 
รวมทั้งครูแอ๋ว อรชุมา ผู้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้
.
หลังการสัมภาษณ์วิธีการโค้ชนักแสดงหน้าใหม่ให้รับบทได้ในเวลาอันสั้น 
และการทำเวิร์คช็อปนักแสดงร่วมกันเพื่อให้การแสดงออกมาสมจริง 
ครูแอ๋วยังทิ้งโจทย์สำคัญไว้ให้ผมอีกหนึ่งข้อ 
คือคำขอให้ช่วยทำหนังสือเบื้องหลังแห่งชีวิตและการงาน
ในฐานะแอ๊คติ้งโค้ชชั้นนำของเมืองไทยอีกหนึ่งเล่ม
.
ผมสัมภาษณ์ครูแอ๋วหลายครั้ง ถอดเทปออกมาให้อ่าน 
แต่ด้วยเหตุผลและปัจจัยนานา 
หนังสือเล่มที่ว่าก็ไม่เคยสำเร็จออกมาเป็นเล่ม 
.
หลังจากนั้น เมื่อคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดมา 
เราก็ได้แต่พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอดให้พ้นจากการจมน้ำ 
ยิ่งนานเข้าๆ เราก็ยิ่งถอยห่างจากฝั่งไป
.
ชีวิตและความสัมพันธ์ของมนุษย์เราก็เป็นเช่นนั้น 
ช่วงเวลากว่าทศวรรษที่คลื่นชีวิตซัด
ให้ห่างจากบ้านหลังน้อยอันอบอุ่นของครูแอ๋ว 
.
ผมเหมือนเรือลำน้อยที่ถูกคลื่นชีวิตซัดไปหลายทิศทาง 
จนไม่สามารถหาทางกลับบ้านที่แท้ของตนเองได้ถูก
.
ในช่วงหนึ่ง ผมไปทำหน้าที่ดำเนินรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์ 
ที่ต้องจัดรายการหนักๆ กับแขกรับเชิญทุกวัน 
ครั้งหนึ่งมีโอกาสพบครูแอ๋วในช่วงเวลาสั้นๆ 
ครูแอ๋วได้กระซิบบอกเคล็ดวิชาว่า
“ให้รู้สึกว่า เวทีนี้เป็นของเรา เป็นพื้นที่ของเรา”
.
แม้เป็นเพียงคำสั้นๆ แต่นั่นเหมือนกุญแจสำคัญ
ของอาชีพพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการทางโทรทัศน์ 
นั่นคือเราต้องจัดการจนเชื่อมั่นว่า 
พื้นที่บนเวทีแห่งนั้นเป็นของเราจริงๆ
.
เมื่อรู้สึกว่าเป็นที่ทางของเรา เราย่อมมั่นใจและผ่อนคลาย 
อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้รายการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
.
ผมยังคงต้องฝ่าคลื่นและมรสุมอีกหลายครั้ง ทั้งทางการงานและชีวิต 
และคิดว่าครูแอ๋วเอง ก็คงต้องผ่านประสบการณ์เหล่านั้นเช่นกัน 
จนวันหนึ่งเมื่อกลับมาพบกัน
ครูแอ๋ว สาวสวยแห่งสังคมสยามก็ย่างเข้าสู่วัย 70 อย่างสง่างาม 
ส่วนผมนั้น จากเด็กหนุ่มผู้เกรี้ยวกราด ชอบตั้งคำถาม 
ก็กลายเป็นชายวัยกลางคนอายุครบสี่รอบ
.
บ้านหลังน้อยของครูแอ๋วที่เคยใช้เป็นสตูดิโอ
ติวการแสดงให้ผู้คนทั่วฟ้าเมืองไทย กำลังจะถูกยกให้บุตรหลาน
เพื่อปรับเปลี่ยนก่อสร้างให้เข้ากับการใช้งานใหม่ 
ม่านบาหลีที่เคยย้อยร้อยรักคล้ายม่านไทร 
ก็คงเหลือไว้ให้คลี่คลายแต่ในความทรงจำของใครหลายคน
ที่เคยผ่านมาเยือนอาคารหลังนี้
.
ครูแอ๋วมอบต้นฉบับที่ปรับปรุงแล้วให้ผมเมื่อสองปีที่ผ่านมา 
อันเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังสร้างงานเขียนชุดใหม่ในซีรีส์ ‘ปัญญา’ 
ผมจึงยังไม่มีสมาธิพอที่จะจัดการกับงานชิ้นนี้ได้
.
ผ่านไปอีกหนึ่งปี ครูแอ๋วนัดหมายผมให้ไปพบที่บ้านอีกครั้ง 
ผมบอกกับครูแอ๋วว่า ได้อ่านต้นฉบับแล้ว 
และมีสองข้อที่อยากจะบอกกับครูแอ๋วอย่างตรงไปตรงมา
.
“หนึ่งคือ อยากให้ครูแอ๋วเขียนหนังสือเล่มนี้
เหมือนเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของชีวิต
“สองคือ ถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นกล้อง 
ขอให้ครูแอ๋วปรับจากการถ่ายรูปคนอื่นตลอดเวลา 
ให้หันกลับมาถ่ายเซลฟี่ตัวเอง”
.
ในฐานะบรรณาธิการ 
ผมมักบอกกับนักเขียนที่ร่วมงานกันเสมอว่า 
บรรณาธิการมิได้มีหน้าที่ทำให้นักเขียนรัก 
หากแต่มีหน้าที่ทำให้คนอ่านรักงานของนักเขียน
.
บรรณาธิการจึงมีความจำเป็นต้องซื่อสัตย์กับนักเขียนเป็นอย่างยิ่ง 
จำเป็นต้องทำให้นักเขียนกล้าเผชิญหน้ากับความจริงของต้นฉบับ 
ซึ่งก็คือความจริงของตัวนักเขียนเอง 
เพราะมีแต่วิธีการนี้เท่านั้น ที่จะทำให้งานเขียน
หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ ดีขึ้นได้
.
ดังคำของวอลเตอร์ แอนเดอร์สัน 
นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน ที่กล่าวว่า 
.
“Our lives improve 
only when we take chances – 
and the first and most difficult risk 
we can take is to be honest with ourselves.”
.
ชีวิตมนุษย์นั้นจะพัฒนาไปได้ 
ก็ต่อเมื่อเรากล้ารับความเสี่ยง
และความเสี่ยงแรกที่สำคัญที่สุด
ที่เราจำเป็นต้องแบกรับ
คือความซื่อสัตย์กับตนเอง
.
หลังจากดื่มชากันที่เรือนหลังใหม่ 
ครูแอ๋วได้มอบชากล่องใหญ่ข้างในมีหลายกลิ่นรสให้กับผม 
ผมเก็บชากล่องนั้นไว้บนชั้นหนังสือโดยมิเคยเปิดมาดมหรือชงดื่ม 
จนวันเดือนผ่านไป ผมก็เริ่มลืมเลือนชากล่องนั้น
.
ในช่วงงานสัปดาห์หนังสือปีที่ผ่านมา 
ระหว่างที่เรากำลังจัดวิหารแห่งแสง 
เพื่อเป็นการกล่าวอำลาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 
ครูแอ๋วได้ส่งต้นฉบับที่ผ่านการปรับปรุงมาแล้วมาทางอีเมล 
แต่จนแล้วจนรอด งานที่ไหลมาเป็นระลอกก็ยังคงทำให้ผม
ไม่มีเวลาย้อนกลับมาจัดการกับต้นฉบับครูแอ๋ว
.
จนกระทั่งวันปีใหม่ ครูแอ๋วส่งคำอวยพร 
พร้อมข้อความสั้นๆ มาหาว่า
.
“โญ ปีนี้ครูแอ๋วอายุ 72 แล้ว 
อยากทำหนังสือเล่มสุดท้ายให้สำเร็จ” 
.
ข้อความนี้เพียงข้อความเดียว 
ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมละวางการงานอื่นๆ ในปีนี้ไว้ 
แล้วหยิบต้นฉบับของครูแอ๋วมาทำเป็นเล่มแรกของปีนี้
.
นี่จึงเป็นเหตุให้เราได้โอกาสเชิญครูแอ๋ว
มาเยือนสำนักพิมพ์ขนาดเล็กของเรา 
ซึ่งดำเนินงานโดยคนสองคน 
และนั่นคือเหตุผลที่เราไม่อาจผลิตงานจำนวนมากๆ 
ได้ในเวลาอันสั้น
.
วันนั้น ครูแอ๋ว พร้อมน้องปาร์ตี้ศิษย์รัก 
และนักรบ มูลมานัส นักวาดภาพประกอบ 
จึงได้มีโอกาสดื่มชาร่วมกัน 
อันเป็นชาที่ครูแอ๋วมอบให้ผมไว้ 
และผมได้ดื่มมันเป็นครั้งแรกร่วมกับครูแอ๋ว
.
ครูแอ๋วได้มีโอกาสแก้ปมริบบิ้น
เพื่อเปิดอ่านต้นฉบับร่างแรกที่ผ่านการจัดหน้า 
ผมเห็นน้ำตาปริ่มๆ ในดวงตาของครูแอ๋ว 
เราได้สนทนากันยาวนาน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเรื่องรูปเล่ม 
หน้าปก และภาพประกอบกันอย่างราบรื่น สนุกสนาน
เหมือนทุกคนได้เข้าสู่พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของการเยียวยา บำบัด 
จนอาจจัดได้ว่าเป็นโมงยามที่งดงามของชีวิต
ของพวกเราทุกคนที่ร่วมสนทนาในบ่ายวันนั้น
.
ดังที่กล่าวมา ครูแอ๋ว อรชุมา ยุทธวงศ์ ปีนี้มีอายุ 72 ปีเต็ม 
ถือเป็นวาระมงคลของชีวิต ครูแอ๋วมีลูกศิษย์ติวการแสดงทั่วฟ้าเมืองไทย 
ตั้งแต่รุ่นใหญ่อย่างพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ อุดม แต้พานิช 
ไปจนถึงรุ่นยอดฮิตอย่างณเดชน์–ญาญ่า 
.
ติวตั้งแต่ดาราอินเตอร์อย่าง จา พนม ผู้ออกตามหาช้าง 
ไปจนถึงดาราบนหลังช้างจาก สุริโยไท 
กระทั่งนายแบงค์กสิกรไทยอย่างคุณบัณฑูร ล่ำซำ 
เมื่อจัดการแสดงหน้าพระที่นั่งถวายกรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ 
ยังมอบหมายให้ครูแอ๋วเป็นแม่งาน กำกับศิลป์การแสดงทั้งหมด
.
จากแอ๊คติ้งโค้ช ด้วยประสบการณ์และเมตตาบารมี 
ช่วงหลังครูแอ๋วจึงต้องทำหน้าที่ไลฟ์โค้ชให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ 
อาศัยศาสตร์อันลุ่มลึกของวิชาการละคร พลิกแพลงไปสู่
ศาสตร์แห่งการพัฒนาตนเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น
.
และนี่คือหัวใจของหนังสือเล่มนี้ 
หนังสือที่ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขาน
ว่าเป็นแอ๊คติ้งโค้ชหมายเลขหนึ่งของเมืองไทย 
ได้ถ่ายทอดเทคนิคและเคล็ดวิชา ว่าเราจะนำศาสตร์แห่งการละคร 
อันเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ถูกยกย่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ 
มาใช้ในการพัฒนาหน้าที่การงานและชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นอย่างง่ายๆ เพื่อให้อ่านง่ายๆ 
แต่การจะทำได้ตามที่หนังสือเขียนนั้นไม่ง่ายเลย 
.
หนังสือเล่มนี้เหมือนกุญแจดอกเล็ก
ที่ใช้ไขเข้าสู่จักรวาลภายในของตัวเรา 
เป็นกุญแจที่ไขเข้าไปค้นหาปริศนาแห่งตัวตน 
ตามเทคนิคของคนละคร
หลายเทคนิค หลายคนเคยใช้ได้ผลบนเวทีใหญ่ 
ในภาพยนตร์ ในละครยอดฮิต 
ใช้พิชิตปัญหาและข้อขัดแย้ง
ในการทำงานร่วมกันในองค์กรใหญ่ 
.
ถ้ากระจกมีไว้เพื่อให้เราใช้ส่องหน้า 
หนังสือเล่มนี้ก็คือผลิตผลของประสบการณ์หลายสิบปี
ที่กลั่นออกมาจากงานศิลปะ หลายแขนง หลายด้าน 
เพื่อให้เราได้ใช้ส่องจิตวิญญาณด้านในของตัวเรา 
ดังคำกล่าวของจอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ ที่ว่า
.
“You use a glass mirror to see your face;
you use works of art to see your soul.”
.
คุณส่องกระจกเพื่อเห็นหน้า
หากงานศิลปะนานาใช้ส่องให้เห็นวิญญาณ
.
หนังสือเล่มนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว 
และมันต้องใช้เวลาถึง 13 ปี พอๆ กับเวลาที่พระรามเดินดง 
 
———————————————-
 
Contents
 
Overture
โหมโรง
Prologue
คำเกริ่น
Flashback
ตัวตนกับความรัก
ACT I
ตัวตนและคุณค่า
ACT II
ตัวตนและคนละคร
ACT III
ตัวตนและชีวิต
ACT IV
ศิลปะของการละคร
ACT V
ละครซ้อนชีวิต
Epilogue
บทส่งท้าย
Curtain Call
คำขอบคุณ
Playwright
ประวัติผู้เขียน
SELF–SEARCHING คุณค่า ตัวตน คน ละคร
SELF–SEARCHING คุณค่า ตัวตน คน ละคร
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนเฟื่องนคร ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านเคล็ดไทย
เคล็ดไทย
ร้านของเราเป็นแหล่งรวมหนังสือ วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ข้อมูลเพิ่มเติม www.kledthai.com
เบอร์โทร : 022259536 ถึง 9 ต่อ 11,22
อีเมล : kledthai@kledthai.co.th
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม